เวลา ข้าพเจ้า ผลงาน - เวลา ข้าพเจ้า ผลงาน นิยาย เวลา ข้าพเจ้า ผลงาน : Dek-D.com - Writer

    เวลา ข้าพเจ้า ผลงาน

    \" ชื่อเรื่องเมื่อส่งแล้ว ไม่อนุญาติให้แก้ไข \"

    ผู้เข้าชมรวม

    396

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    396

    ความคิดเห็น


    18

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 พ.ค. 49 / 13:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เวลาเป็นสิ่งลึกลับอย่างหนึ่ง

      เวลามีมาช้านานเท่าใด มีผู้ใดล่วงรู้ได้  หากว่ามันเกิดมาพร้อมโลกใบนี้ แล้วก่อนโลกก่อเกิดนั้นไม่มีเวลาหรือ ? หากว่ามันมีมาก่อนโลกก่อเกิดนั้นเวลาอาจเท่าอายุของจักรวาลหรือไม่ ? ไม่น่าใช่ แล้วเวลามันน่าจะเกิดมานานเท่าใด ? อย่าถามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเองก็มิอาจล่วงรู้

      ข้าพเจ้ารู้เพียงแต่ว่า ยามเกิดมานั้นข้าพเจ้าได้พกเอาของสองสิ่งมาจากปรภพด้วยหนึ่งคือชีวิต สองคือเวลา นั่นหมายความว่าข้าพเจ้ามีชีวิต มีเวลา แต่จะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าใดนั้นย่อมต้องดูว่าข้าพเจ้าพกเวลาติดตัวมาด้วยนั้นยาวนานเท่าใด มันอาจสิ้นสุดลงในวันนี้ วันพรุ่งนี้ ใครจะล่วงรู้ได้ แม้แต่ข้าพเจ้าผู้พกนำมันขึ้นมาจากปรภพยังไม่ล่วงรู้  

      เช่นนี้เปรียบดั่งว่าชีวิตเราและท่านได้ถูกเวลาที่ผูกโช่ตีตรานมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแล้ว ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงต้องกระทำทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งการดำเนินชีวิตของตนเอง ไปตามเวลา มีเวลาเป็นตัวบีบบังคับทุกสิ่งอัน

      ชีวิตท่านก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆตามเวลาที่ท่านใช้ไป แม้ท่านไม่คิดใช้ ยังคงต้องใช้ไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง แต่เวลาที่ใช้ไปส่วนใหญ่นั้นคุ้มค่าหรือไม่ ?

      ส่วนใหญ่ไม่คุ้ม เพราะเหตุใด ?
      อาจเพราะผู้คนรับรู้มากเกินไป หวังมากเกินไป ต้องการมากการไป ทุกสิ่งอันจึงดูน้อยเกินไปเสียหมดสิ้น เวลาที่มีอยู่น้อยนิดจึงมิอาจจับจ่ายใช้สอยในการหาซื้อทุกสิ่งมาได้หมดสิ้น หากว่าคุ้มจำต้องได้ทุกสิ่งที่ปรารถนามาเสียทั้งหมด เช่นนั้นจึงคุ้ม ใช่หรือไม่ ?

      ใช้เวลาได้คุ้มค่านั้นขึ้นอยู่กับสิ่งใด ล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านเอง ท่านมีความสุขในการกระทำของท่าน นั่นเรียกว่าใช้เวลาคุ้มค่าหรือไม่ ? มีแต่ท่านที่ตอบได้ แต่มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ใช้เวลาคุ้มค่าแต่มิอาจได้รับความสุขกลับมาทดแทน กลับกลายเป็นความโศกเศร้า สลด ผิดหวัง อ่อนล้า และท้อแท้ คนเหล่านี้ใช้เวลาไม่คุ้มค่าหรือ ?

      มิใช่ !
      คนเหล่านี้ใช้เวลาที่มีอยู่ซื้อสิ่งของอย่างหนึ่งที่ผู้ใช้เวลาแห่งความสุขอาจไม่เคยได้รับหรืออาจได้รับไม่เท่ากัน ของสิ่งนั้นเรียกว่า "ประสบการณ์"

      ประสบการณ์นี้เป็นสิ่งของสิ่งเดียวที่ท่านสามารถใช้เพียงเวลาเท่านั้นจึงจะซื้อได้ ซื้อได้มากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับการใช้ขีวิตของท่านนั่นเอง ท่านใช้ชีวิตอย่างไร เวลาที่หมดไปก็จะซื้อประสบการณ์มากมายกลับคืนมาให้แก่ท่านเองโดยท่านมิอาจรู้ตัว มันก็เป็นเช่นนี้เอง

      เวลาที่ท่านซื้อประสบการณ์มานั้นเป็นเช่นไร ท่านเคยลองนั่งหวนรำลึกนึกดูหรือไม่ ?
      เวลาที่ผ่านไปแล้วมันซื้อประสบการณ์ที่เป็น "อดีต" ในความทรงจำท่าน
      อดีตนี้เป็นทรัพย์สมบัติของท่านที่ตัวท่านเองได้ใช้เวลาซื้อหามาเก็บไว้ ท่านเคยเหลียวกลับไปมองดูหรือไม่มีสิ่งใดเก็บสะสมเอาไว้ในห ีบสมบัติที่เรียกว่า "สมอง" ของท่านบ้าง

      หากท่านเห็นแล้ว ท่านเห็นสิ่งใด ใช่เห็นความสุข เสียงหัวเราะ คนรัก ครอบครัว เงินตรา อำนาจหน้าที่ ตัวท่านเอง ตลอดจนทุกสิ่งที่ท่านมีความสุขใช่หรือไม่

      หากว่าไม่ แสดงว่าท่านชื้อมาแต่ประสบการณ์แห่งความทุกข์ และหากเป็นเช่นนั้นจริงท่านควรเหลียวหลังกลับไปค้นห ีบสมบัติของท่านให้ดี ท่านจะรู้ว่าท่านซื้อความทุกข์นี้มาได้อย่างไร เมื่อท่านใช้ชีวิตผ่านไป ประสบการณ์นี้จะสั่งสอนท่านว่าไม่ควรใช้เวลาซื้อของเช่นนี้เข้ามาเก็บไว้ในห ีบสมบัติของท่านอีก เช่นนี้แม้มิอาจสร้างสุขแต่กลับดับทุกข์ไปได้บ้างแล้ว

      จะกล่าวไปแล้วเวลาบางครั้งตัวของมันแม้เป็นผู้ซื้อหาประสบการณ์มาใส่สมองเราท่าน บางครามันกลับทำตัวเป็นหัวขโมยย่องเบาฉกชิงเอาช่วงเวลาที่ก่อเกิดประสบการณ์สุขของเราไปอย่างไม่น่าให้อภัย แต่บางครั้งอีกเช่นกันมันก็ช่วยลบเลือนสิ่งที่เราไม่อยากจดจำออกไปได้บ้าง เวลาจีงเป็นทั้งพ่อค้าวาณิชย์ที่แสนดีและเป็นโจรต ีนแมวย่องเบาในเวลาเดียวกัน

      อันที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเวลานั้นเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่นักคณิตศาสตร์มีชื่อในอดีต ที่วันๆเอาแต่นั่งมองท้องฟ้าเพื่อหาคำตอบให้กับความไม่รู้ของตนเอง จนได้ประดิษฐ์กฎข้อบังคับของสากลโลกที่ชื่อว่าเวลาขึ้น เพื่อเป็นหลักอ้างอิงในการตอบปัญหาต่างๆในหัวสมองอันยุ่งเหยิงของพวกเค้าต่อไป หารู้ไม่ว่าเวลาที่เค้าคิดค้นคำเรียกหามานั้น มันได้กลายเป็นกรงเหล็กยักษ์ชนิดหนึ่งที่กักขังเอาผู้คนมากมายไว้ภายใน และยามเมื่อผู้คนเหล่านั้นคิดขยับตัวกรงเหล็กยักษ์ที่เรียกว่าเวลานั้นจะบีบคั้นบังคับตัวมันจนมิอาจคิดขยับเขยื่อนตัวดุจดั่งเดิมได้อีก ยังคงได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้กรงหลักยักษ์นั้นกักขังเราต่อไป...

      ...เมื่อก่อนข้าพเจ้าเคยมีเวลาอยู่มากโข ยิ่งมายิ่งมีน้อยลง น้อยลงจนไม่อาจเพียงพอต่อการกระทำอันใดยามใจต้องการได้ นั่นอาจมิใช่เพราะข้าพเจ้าไม่มีเวลา แต่เป็นเพราะเวลาบีบบังคับให้ข้าพเจ้าไม่อาจกระทำใน "ชั่วเวลา"ขณะนั้นได้  

      นั่นเท่ากับว่าท่านมีเวลา แต่กลับไม่มี ช่างเป็นที่น่าแปลกใจหรือไม่ ?

      ย่อมไม่น่าแปลกใจอันใด เพราะเมื่อท่านดำเนินชีวิตมาถึงจุดหนึ่งท่านจะได้รับเวลาเพิ่มขึ้นมาอีกสิ่งหนึ่ง เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องบีบบังคับเราท่านอย่างถ่องแท้ เป็นเวลาของสังคมสิ่งนั้นเอง

      หากคิดท่านไม่กระทำทุกสิ่งตามเวลาของสังคมกำหนด ท่านจะได้ค้นพบอันใดหากท่านไม่รู้ข้าพเจ้าจะพาลบอกให้ท่านได้รู้

      หากท่านช่วงค่ำมืดดึกดื่น ท่านยังไม่หลับนอน ท่านคิดอยากกินอาหารที่มีขายเฉพาะช่วงเช้า ใช่ท่านต้องแขวนท้องอยู่จนถึงรุ่งเช้าหรือไม่ก็หาสิ่งใดใส่ท้องไปก่อนได้พบเจออาหารที่ท่านอยากกิน...ใช่หรือไม่ ? นี่เป็นเวลาสังคมมันกลั่นแกล้งท่าน

      หากท่านตื่นมายามเช้าตรู่กว่าผู้อื่น แต่กลับไปเข้าเรียนไม่ทันเวลา จะมีผู้ใดยอมรับฟังเหตุผลว่ามันไม่ยุติธรรมหรือไม่ ? ท่านตื่นเช้าตรู่มาเข้าเรียนไม่ทันกับอีกผู้ตื่นสายโด่งแต่มาเข้าเรียนทัน  นี่เป็นเวลาของสังคมนั้นเหนือกว่าเวลาชีวิตท่าน

      หากท่านว่ามีนาฬิกาดั่งมีเวลาอยู่กับตัวมิต้องเกรงกลัวอันใด ท่านเข้าใจถูกหรือ ? ท่านคิดว่านาฬิกาบนข้อมือของทุกผู้คนเวลาเท่ากันหมดหรือ ? แต่จะอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเวลาของผู้มีอำนาจ พวกมันนั้นแม้มีเวลาเปรียบดังไม่มี มันกลับใช้เวลาที่มันเองไม่สามารถควบคุมได้ มาเป็นข้อบังคับควบคุมคนไร้อำนาจอย่างเราท่านอีกต่อหนึ่ง เช่นนี้เราท่านจะมีนาฬิกาข้อมือไว้ทำไม ใช่มีไว้เพื่อทำตามผู้มีอำนาจเหนือตนหรือไม่ ?
      ใช่เพราะพวกมันเป็นผู้กำหนดเวลาสังคม

      เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร ผู้คนส่วนใหญ่ก็ได้แต่ปรับเวลาชีวิตตนเองเข้าหาเวลาของสังคม
      และกลับกลายเป็นหุ่นยนต์มนุษย์นิ่งเฉยไร้ซึ่งจิตวิญญาณ มิกล้าขยับเขยื้อนตัวอันใด ด้วยเกรงว่าจะถูกกรงเหล็กยักษ์ที่มีชื่อว่าเวลานั้นทำร้ายเอา โดยลืมเลือนไปว่าเวลาแห่งชีวิตของตนเองนั้นบางครั้งมีกระชั้นสั้นกว่าเวลาของสังคม ท่านมิอาจอยู่ในเวลาสังคมได้ตลอดไป

      แต่จะว่าอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เป็นผู้หนึ่งที่คิดต่อต้านเวลา และจะต่อต้านต่อไปหากข้าพเจ้ายังคงกระทำได้ แม้การกระทำตามใจตนเองบางครั้งจะถูกคำว่า "ไม่มีความรับผิดชอบ"ด่าว่าเอา แต่ข้าพเจ้านั้นไม่เคยคิดแค้น เพราะหากข้าพเจ้าทำผิด ล้วนยอมรับ"ผิด"ตามจริง หาใช่คิดยอมรับแต่"ชอบ"ดั่งเช่นกลุ่มคนบางกลุ่มคิดกระทำไม่

      ยามนี้หากบอกไปว่าเวลามิอาจบังคับข้าพเจ้าช่างเป็นคำพูดที่สุดกระดากนัก เพราะข้าพเจ้ายังคงโดนบังคับให้ใช้เวลาไปอย่างต่อเนื่อง ข้าพเจ้าก็ได้แต่ใช้เวลาต่อไป

      เป็นเวลาของข้าพเจ้า ที่ตั้งไว้ไม่ตรงกับเวลาของสังคม

      หากมีชีวิตสืบไปยังคงต้องอาศัยเวลาของชีวิต
      เช่นเดียวกับถ้ายังคงมีชีวิตจะไม่อาศัยเวลาของสังคมเป็นตัวกำหนดชีวิต

      ชีวิตเราท่านนั้น เกิดมาก็เกิดมาเพียงผู้เดียว ตกตายก็ตายเพียงผู้เดียว เกิดมาเพื่อใช้เวลาและชีวิต  ตายจากเพราะเวลาและชีวิตหมดไป แต่เวลาที่แท้นั้นยังคงอยู่ อยู่ตลอดไป ตลอดกาล กรงนี้จะไม่มีวันสูญสลายไปได้ หากเราเองไม่หลุดพ้น

      มันเป็นเพียงการหมุนเวียนของโลกใบเกือบกลมใบนี้

      เวลา ยังคงเป็นสิ่งลึกลับ
      เวลา ยังคงเป็นผู้ชนะ
      เวลา ยังคงเป็นผู้เปลี่ยนแปลง
      เวลา ยังคงดำเนินต่อไป อีกยาวนาน

      แม้เวลาของข้าพเจ้าจะซื้อหาแต่สิ่งไร้สาระเข้ามาใส่ชีวิต แต่อย่างน้อยมันเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าซื้อหามาเอง มิได้ช่วงชิงเวลาของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง น้อมรับประสบการณ์สุขและทุกข์ที่หามาไว้ประดับห ีบสมบัติไร้รอยหยักนี้ ด้วยจิตคารวะ





      ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น

      เวลามันเกิดมากับตัวเรา



      ข้าพเจ้าใช้เวลาในงานเขียนชิ้นนี้ไป 3 ชั่วโมง กับอีก 26 นาที....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×